ข่าวประชาสัมพันธ์

กรมการขนส่งทางบก คิกออฟ!! มาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย


รายละเอียดประชาสัมพันธ์
จำนวนเข้าดู 1193

กรมการขนส่งทางบก คิกออฟ!! มาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย อำนวยความสะดวกทั่วประเทศ สานพลังประชารัฐร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา และภาคเอกชน มอบความปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนวันนี้ (30 พฤศจิกายน 2560) เวลา 10.00 น. ณ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก จตุจักร นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย ดร.สาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.), นายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), นายสาคร รุ่งสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมแถลงข่าวการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยตั้งใจมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญให้คนไทยทุกคนนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่ 2561 กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางโดยกำหนดมาตรการเข้มข้น 7 7 7 แบ่งเป็น 7 วันก่อนเทศกาล วันที่ 21 - 27 ธันวาคม 2560, 7 วันระหว่างเทศกาล วันที่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 และ 7 วันหลังเทศกาล วันที่ 4 - 10 มกราคม 2561 โดยตั้งเป้าหมาย ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากระบบขนส่งสาธารณะ พนักงานขับรถต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ทุกคน ทั้งยังกำหนดมาตรการดูแลอำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชนทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งจัดเตรียมรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางเสริมในเส้นทางให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนทั้งเที่ยวไป-เที่ยวกลับ ซึ่งต้องไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีโดยเด็ดขาด และให้ตรวจตราความปลอดภัยภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาฉวยโอกาส และตรวจสอบการให้บริการของผู้ประกอบการทุกรายอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังร่วมกับ ภาคีเครือข่ายภาครัฐ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา และภาคเอกชน บูรณาการมาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนด้วย 3 กิจกรรม คือ การสแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.), บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), คณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น กิจกรรมตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานต่างๆ กว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการเช็กความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่คิดค่าบริการ และการตั้งจุดให้บริการทั่วไทยร่วมภาคีเครือข่าย ร่วมกับ สอศ. จำนวน 189 จุดทั่วประเทศอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า มาตรการสแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี คือการสานต่อมาตรการตรวจความพร้อม รถโดยสารและคนขับรถตามแบบรายการ Checklist ของกรมการขนส่งทางบก โดยบูรณาการร่วมกับ สอศ., บขส., คณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ, ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น ตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารทุกคัน พนักงานขับรถทุกคนที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถที่กำหนดรวม 212 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มความเข้มข้นตรวจสอบความปลอดภัยของรถโดยสารเช่าเหมา (รถโดยสารไม่ประจำทาง) ระหว่างทางบนเส้นทางหลักใน 11 จังหวัด รวม 14 แห่ง โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ช่วง (รวม 21 วัน) ได้แก่ ช่วงเตรียมความพร้อมก่อนเทศกาล เริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 1 – 7 ธันวาคม 2560 เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักและเร่งปรับปรุงแก้ไขตัวรถและสร้างความเข้าใจให้แก่พนักงานขับรถ ควบคู่กับการตรวจความพร้อมที่สถานประกอบการ ช่วงก่อนเทศกาล ดำเนินการระหว่างวันที่ 21 – 27 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และช่วงเทศกาล ดำเนินการเข้มข้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 โดย สอศ. ได้จัดคณะอาจารย์และนักศึกษาในพื้นที่ ตรวจสอบความพร้อมของรถร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก หากพบรถโดยสารไม่ปลอดภัย ไม่พร้อมใช้งานพ่นข้อความ “ห้ามใช้” และต้องนำรถเข้าตรวจสภาพหลังดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว กรณีพบพนักงานขับรถมีสภาพไม่พร้อมหรือพบการกระทำความผิดดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถและ “สั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่” โดยผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนรถคันใหม่และพนักงานขับรถที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่แทนทันทีเพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง และเข้มงวดตรวจสอบให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยครบถ้วนทุกคนก่อนออกเดินทางอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกิจกรรม “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อช่วยลดและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน ด้วยการเน้นย้ำให้ผู้ใช้รถให้ความสำคัญกับการตรวจความพร้อมของสภาพ ตัวรถ เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถก่อนการเดินทางไกล โดยร่วมกับภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานต่างๆ อาทิ บริษัทผู้ผลิตและศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์/รถจักรยานยนต์ ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถ ศูนย์ซ่อมรถของบริษัทประกันภัย บริษัทติดตั้งแก๊ส NGV/LPG ในรถยนต์ บริษัทผลิตและศูนย์บริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) สมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการเช็กความพร้อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่คิดค่าบริการจำนวนกว่า 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเบรก การทำงานของไฟส่องสว่าง/ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น สามารถนำรถเข้ารับบริการฟรี ณ สถานประกอบการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 - 15 มกราคม 2561 ซึ่งจะให้บริการประชาชนทั้งช่วงก่อนการเดินทางเพื่อเตรียมความพร้อมรถ และครอบคลุมถึงช่วงการเดินทางกลับเพื่อตรวจบำรุงรักษารถหลังจากใช้รถทางไกลด้วยอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในช่วง 7 วันของการเดินทาง ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 ร่วมกับ สอศ. เพื่อตั้งจุดให้บริการ 189 จุดทั่วประเทศ เพื่อให้บริการเช็กสภาพรถและซ่อมรถเบื้องต้นกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งเป็นหน่วยบริการอำนวยความสะดวก พักผ่อนคลายความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทาง โดยจะตั้งอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่น หรือสถานีบริการน้ำมัน หรือจุดให้บริการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากมาตรการเข้มข้น ช่วงเทศกาล กรมการขนส่งทางบกและ สอศ. ยังร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมระบบทดสอบขับรถภาคปฏิบัติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Driving) เพื่อร่วมยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถ รองรับนโยบายการใช้ระบบทดสอบขับรถด้วยอิเล็กทรอนิกส์ทุกสำนักงานขนส่ง และรองรับการขยายตัวของโรงเรียนสอนขับรถเอกชนให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีฝีมือคนไทย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตและการบำรุงรักษาระบบน้อยกว่า แต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมต่างประเทศ เป็นหนึ่งในแนวทาง การทำงานแบบสานพลังประชารัฐให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากมาตรการข้างต้น กรมการขนส่งทางบกยังเข้มงวดเฝ้าระวัง การใช้ความเร็วของรถโดยสารและรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยจัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วในเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ เช่น ถนนพระรามสอง ถนนสายเอเชีย ตั้งจุดตรวจและจุดสกัดรถกระทำความผิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามการเดินรถผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีพบรถโดยสารใช้ความเร็วเกินกำหนด เบื้องต้นจะประสานผู้ประกอบการขนส่งให้แจ้งผู้ขับรถให้ลดความเร็วทันที หากยังฝ่าฝืนประสานเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัด หรือจุดตรวจความพร้อมใน 11 จังหวัด ที่ใกล้ที่สุดให้เข้าระงับการใช้ความเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ความเร็วเกินกำหนด ทุกมาตรการเพื่อความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบกให้ยกระดับความเข้มข้น ดำเนินการจริงจัง เด็ดขาด และลงโทษทันที ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ และผู้ประกอบการขนส่ง ลงโทษสูงสุดถึงขั้นพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการ สำหรับประชาชนกรณีพบรถโดยสารไม่ปลอดภัย เอาเปรียบผู้โดยสาร แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารประจำสถานีขนส่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด


Share :



กรมการขนส่งทางบก คิกออฟ!! มาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย
19 ธ.ค. 2560

กรมการขนส่งทางบก คิกออฟ!! มาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 สแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ตรวจรถฟรีขับขี่ปลอดภัย และตั้งจุดให้บริการทั่วไทย อำนวยความสะดวกทั่วประเทศ สานพลังประชารัฐร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา และภาคเอกชน มอบความปลอดภัยเป็นของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนวันนี้ (30 พฤศจิกายน 2560) เวลา 10.00 น. ณ อาคาร 1 ชั้น 1 กรมการขนส่งทางบก จตุจักร นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วย ดร.สาโรจน์ ขอจ่วนเตี๋ยว ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.), นายณัฐวุฒิ อ่อนน้อม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), นายสาคร รุ่งสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมแถลงข่าวการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยตั้งใจมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญให้คนไทยทุกคนนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เทศกาลปีใหม่ 2561 กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางโดยกำหนดมาตรการเข้มข้น 7 7 7 แบ่งเป็น 7 วันก่อนเทศกาล วันที่ 21 - 27 ธันวาคม 2560, 7 วันระหว่างเทศกาล วันที่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 และ 7 วันหลังเทศกาล วันที่ 4 - 10 มกราคม 2561 โดยตั้งเป้าหมาย ลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และต้องไม่มีผู้เสียชีวิตจากระบบขนส่งสาธารณะ พนักงานขับรถต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ทุกคน ทั้งยังกำหนดมาตรการดูแลอำนวยความสะดวกการเดินทางให้ประชาชนทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้สั่งการให้สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่งจัดเตรียมรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางเสริมในเส้นทางให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชนทั้งเที่ยวไป-เที่ยวกลับ ซึ่งต้องไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีโดยเด็ดขาด และให้ตรวจตราความปลอดภัยภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาฉวยโอกาส และตรวจสอบการให้บริการของผู้ประกอบการทุกรายอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกยังร่วมกับ ภาคีเครือข่ายภาครัฐ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา และภาคเอกชน บูรณาการมาตรการด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนด้วย 3 กิจกรรม คือ การสแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.), บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), คณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น กิจกรรมตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานต่างๆ กว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการเช็กความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่คิดค่าบริการ และการตั้งจุดให้บริการทั่วไทยร่วมภาคีเครือข่าย ร่วมกับ สอศ. จำนวน 189 จุดทั่วประเทศอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า มาตรการสแกนเข้มรถโดยสารทุกสถานี คือการสานต่อมาตรการตรวจความพร้อม รถโดยสารและคนขับรถตามแบบรายการ Checklist ของกรมการขนส่งทางบก โดยบูรณาการร่วมกับ สอศ., บขส., คณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ, ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น ตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารทุกคัน พนักงานขับรถทุกคนที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถที่กำหนดรวม 212 แห่งทั่วประเทศ และเพิ่มความเข้มข้นตรวจสอบความปลอดภัยของรถโดยสารเช่าเหมา (รถโดยสารไม่ประจำทาง) ระหว่างทางบนเส้นทางหลักใน 11 จังหวัด รวม 14 แห่ง โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 3 ช่วง (รวม 21 วัน) ได้แก่ ช่วงเตรียมความพร้อมก่อนเทศกาล เริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 1 – 7 ธันวาคม 2560 เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักและเร่งปรับปรุงแก้ไขตัวรถและสร้างความเข้าใจให้แก่พนักงานขับรถ ควบคู่กับการตรวจความพร้อมที่สถานประกอบการ ช่วงก่อนเทศกาล ดำเนินการระหว่างวันที่ 21 – 27 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่มีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และช่วงเทศกาล ดำเนินการเข้มข้นระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 - 3 มกราคม 2561 โดย สอศ. ได้จัดคณะอาจารย์และนักศึกษาในพื้นที่ ตรวจสอบความพร้อมของรถร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก หากพบรถโดยสารไม่ปลอดภัย ไม่พร้อมใช้งานพ่นข้อความ “ห้ามใช้” และต้องนำรถเข้าตรวจสภาพหลังดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว กรณีพบพนักงานขับรถมีสภาพไม่พร้อมหรือพบการกระทำความผิดดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด ทั้งปรับ พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถและ “สั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่” โดยผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนรถคันใหม่และพนักงานขับรถที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่แทนทันทีเพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง และเข้มงวดตรวจสอบให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยครบถ้วนทุกคนก่อนออกเดินทางอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกิจกรรม “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อช่วยลดและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน ด้วยการเน้นย้ำให้ผู้ใช้รถให้ความสำคัญกับการตรวจความพร้อมของสภาพ ตัวรถ เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ส่วนควบภายในรถก่อนการเดินทางไกล โดยร่วมกับภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานต่างๆ อาทิ บริษัทผู้ผลิตและศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์/รถจักรยานยนต์ ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถ ศูนย์ซ่อมรถของบริษัทประกันภัย บริษัทติดตั้งแก๊ส NGV/LPG ในรถยนต์ บริษัทผลิตและศูนย์บริการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) สมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการเช็กความพร้อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยไม่คิดค่าบริการจำนวนกว่า 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่องและความสกปรกของน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเบรก การทำงานของไฟส่องสว่าง/ไฟสัญญาณต่างๆ เป็นต้น สามารถนำรถเข้ารับบริการฟรี ณ สถานประกอบการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถ “ฟรี” ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 - 15 มกราคม 2561 ซึ่งจะให้บริการประชาชนทั้งช่วงก่อนการเดินทางเพื่อเตรียมความพร้อมรถ และครอบคลุมถึงช่วงการเดินทางกลับเพื่อตรวจบำรุงรักษารถหลังจากใช้รถทางไกลด้วยอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ในช่วง 7 วันของการเดินทาง ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 ร่วมกับ สอศ. เพื่อตั้งจุดให้บริการ 189 จุดทั่วประเทศ เพื่อให้บริการเช็กสภาพรถและซ่อมรถเบื้องต้นกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมทั้งเป็นหน่วยบริการอำนวยความสะดวก พักผ่อนคลายความเมื่อยล้าระหว่างการเดินทาง โดยจะตั้งอยู่บริเวณถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่น หรือสถานีบริการน้ำมัน หรือจุดให้บริการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากมาตรการเข้มข้น ช่วงเทศกาล กรมการขนส่งทางบกและ สอศ. ยังร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมระบบทดสอบขับรถภาคปฏิบัติด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Driving) เพื่อร่วมยกระดับมาตรฐานคุณภาพผู้ขับรถ รองรับนโยบายการใช้ระบบทดสอบขับรถด้วยอิเล็กทรอนิกส์ทุกสำนักงานขนส่ง และรองรับการขยายตัวของโรงเรียนสอนขับรถเอกชนให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้เทคโนโลยีฝีมือคนไทย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตและการบำรุงรักษาระบบน้อยกว่า แต่มีประสิทธิภาพทัดเทียมต่างประเทศ เป็นหนึ่งในแนวทาง การทำงานแบบสานพลังประชารัฐให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกเหนือจากมาตรการข้างต้น กรมการขนส่งทางบกยังเข้มงวดเฝ้าระวัง การใช้ความเร็วของรถโดยสารและรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยจัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วในเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ เช่น ถนนพระรามสอง ถนนสายเอเชีย ตั้งจุดตรวจและจุดสกัดรถกระทำความผิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามการเดินรถผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีพบรถโดยสารใช้ความเร็วเกินกำหนด เบื้องต้นจะประสานผู้ประกอบการขนส่งให้แจ้งผู้ขับรถให้ลดความเร็วทันที หากยังฝ่าฝืนประสานเจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัด หรือจุดตรวจความพร้อมใน 11 จังหวัด ที่ใกล้ที่สุดให้เข้าระงับการใช้ความเร็ว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ความเร็วเกินกำหนด ทุกมาตรการเพื่อความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบกให้ยกระดับความเข้มข้น ดำเนินการจริงจัง เด็ดขาด และลงโทษทันที ทั้งพนักงานขับรถ ผู้ประจำรถ และผู้ประกอบการขนส่ง ลงโทษสูงสุดถึงขั้นพิจารณาพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการ สำหรับประชาชนกรณีพบรถโดยสารไม่ปลอดภัย เอาเปรียบผู้โดยสาร แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารประจำสถานีขนส่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด


   
Share :